“วนรัชต์” กับ STARK รวยขึ้น ยังคงเป็นเศรษฐีหุ้นไทย

1 Min Read

วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ หรือรู้จักกันในนามกรรมการกลุ่มบริษัท ทีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA ถือครองหุ้นรวมมูลค่ากว่า 41,055.30 ล้านบาท รวยเพิ่มมากขึ้นถึง 34,162.15 ล้านบาท หรือกว่า 495.60 เปอร์เซ็นต์ จากการเข้าลงทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯโดยอ้อม (Backdoor Listing) ของ บมจ.สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย (SMM) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เพื่อทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ปัจจุบันเป็นกรรมการ กรรมการบริหาร และกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อายุ 47 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี บัญชีบริหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประสบการณ์การทำงาน กรรมการในบริษัท บริษัท บริติช เพ้นท์ส จำกัด บริษัท อิมเมจิกา จำกัด และตําแหน่งในกิจการอื่นที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน

ส่องหุ้น STARK ที่วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ถือหุ้นกว่า หุ้น 16,500,000,000 คิดเป็น 69.29 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันราคาหุ้นละ

STARK : บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หมวดธุรกิจ วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร กลุ่มอุตสาหกรรม สินค้าอุตสาหกรรม ลักษณะธุรกิจ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัท ที่ดำเนินธุรกิจหลัก คือ ผู้ผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้าสำหรับระบบการส่งและจ่ายกระแสไฟฟ้า และสายไฟฟ้าทั่วไป มีกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการทดสอบระบบสายไฟฟ้าแรงดันสูงแบบเคลื่อนที่

ตามข้อมูลในไตรมาสที่ 3/62 งบการเงินมีการโตขึ้นในทุกๆส่วน ทั้งสินทรัพย์รวม หนี้สินรวม ส่วนของผู้ถือหุ้น มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว รายได้รวม กำไรสุทธิ โดยช่วงไตรมาส 3/62 งบการเงินมีผลกำไร ที่มาจากการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษอันเกิดจากการทำ Backdoor Listing ธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) รวมประมาณ 200 ล้านบาท หลังจากนี้ ตั้งแต่ไตรมาส 4/62 จะทำให้สามารถรับรู้และบันทึกรายได้ กำไร จากการดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มตัวและเติบโตอย่างมั่นคงจากการดำเนินการและขยายธุรกิจ

STARK เตรียมได้ลงทุนซื้อหุ้น Thipha Cables และ Dovina ในเวียดนาม 100% ต่อยอดธุรกิจผลิตสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล และอุตสาหกรรมอโลหะ จะเน้นเป็นผู้ประกอบการที่ดําเนินธุรกิจแบบทั้งการค้าแก่ผู้ประกอบการ (Business-to-Business (B2B) และการค้าการให้บริการแก่ภาครัฐ (Business-to-Government (B2G)) เป็นส่วนใหญ่

โอกาสในการเติบโตของธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลไฟฟ้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมีความเป็นไปได้ เพราะสายไฟฟ้าที่มีความจําเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคต เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จําเป็นในการพัฒนาด้านต่างๆ โครงการต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน จําเป็นต้องใช้สายไฟฟ้าจํานวนมาก

ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นจะช่วยเกื้อหนุนและส่งเสริมให้บริษัทมีธุรกิจที่มั่นคง และธุรกิจดังกล่าวจัดเป็น ธุรกิจที่มีความจําเป็นต่อการเติบโตของประเทศและภูมิภาค ซึ่งเห็นได้จากโครงการต่างๆ ของรัฐบาลในประเทศ ต่างๆ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของประชากรและเศรษฐกิจ 

ผู้เชี่ยวชาญการเงินการลงทุน ซ่าอินไทย
Author: ผู้เชี่ยวชาญการเงินการลงทุน ซ่าอินไทย

ติดตามข่าวสารการเงินการลงทุนทุกรูปแบบได้ที่นี่

Share this Article
ติดตามข่าวสารการเงินการลงทุนทุกรูปแบบได้ที่นี่