ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ปิดปลายสัปดาห์ 3 ม.ค.63 และแนวโน้มสัปดาห์หน้า

2 Min Read

ดัชนีตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปิดที่ระดับ 1,594.97 จุด เพิ่มขึ้น 1.06% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,445.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.69% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้น 1.14% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 311.58 จุด

5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดเมื่อปิดสัปดาห์
PTT – บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มูลค่าซื้อขาย 6,853,953.22  (‘000 บาท)
PTTEP – บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มูลค่าซื้อขาย 3,191,462.95 (‘000 บาท)
BAM – บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าซื้อขาย 2,751,131.27 (‘000 บาท)
PTTGC – บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) มูลค่าซื้อขาย 2,056,094.50 (‘000 บาท)
CPALL – บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าซื้อขาย 2,051,913.55 (‘000 บาท)

5 หลักทรัพย์ที่มีปริมาณซื้อขายเมื่อปิดสัปดาห์
TMB – ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ปริมาณซื้อขาย 368,357,600 หุ้น
BEAUTY – บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) ปริมาณซื้อขาย 251,404,900 หุ้น
IRPC – บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ปริมาณซื้อขาย 149,551,200 หุ้น
PTT – บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปริมาณซื้อขาย 147,370,600 หุ้น
BAM – บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ปริมาณซื้อขาย 139,057,500 หุ้น

5 หลักทรัพย์ที่มีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเมื่อปิดสัปดาห์
MAX – บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ราคาล่าสุด 0.02 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 100%
SSF – บริษัท สุรพลฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ราคาล่าสุด 7.55 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 21.77%
TGPRO – บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ราคาล่าสุด 0.07 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 16.67 %
UP – บริษัท ยูเนี่ยนพลาสติก จำกัด (มหาชน) ราคาล่าสุด 15.40 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 10 %
NWR – บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ราคาล่าสุด 0.48 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 9.09%

มุมมองด้านเงินบาท

วันศุกร์ (3 ม.ค. 63) เงินบาทอยู่ที่ 30.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 ธ.ค. 62) เงินบาทของไทยอ่อนค่าลง ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทเป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ส่งสัญญาณดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคที่ขยับอ่อนค่าลงท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้น และในตะวันออกกลางเป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันต่อเงินบาทในช่วงปลายสัปดาห์

แนวโน้มสัปดาห์หน้า

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,580 และ 1,565 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,615 และ 1,640 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนธ.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI Composite เดือนธ.ค.ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของจีน

ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ จากความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากที่สหรัฐได้สังหารนายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน จากการเปิดฉากโจมตีทางอากาศที่สนามบินนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น สามารถประคองตลาดฯ ไว้ได้  แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า คาดว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะปรับตัวขึ้นต่อ โดยมองว่ายังสามารถแกว่งขึ้นไปได้อีก 2-3 สัปดาห์ จากความเสี่ยงและความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ยังมีอยู่ ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะเป็นตัวประคองตลาดฯ ต่อ ขณะที่ให้ติดตามดูการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วาระ 2 และวาระ 3 หากผ่านไปได้จะเป็นสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลได้มากขึ้น พร้อมให้แนวต้าน 1,620-1,630 จุด แนวรับ 1,580 จุด

 

ผู้เชี่ยวชาญการเงินการลงทุน ซ่าอินไทย
Author: ผู้เชี่ยวชาญการเงินการลงทุน ซ่าอินไทย

ติดตามข่าวสารการเงินการลงทุนทุกรูปแบบได้ที่นี่

Share this Article
ติดตามข่าวสารการเงินการลงทุนทุกรูปแบบได้ที่นี่