สารบัญ

อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratio)1. อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม (Return on Asset)2. อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity)3. อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio)4. อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV Ratio)Author: ผู้เชี่ยวชาญการเงินการลงทุน ซ่าอินไทย

บทความนี้จะแนะนำ อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม (Return on Asset) อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV Ratio) ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าการลงทุนให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว งบการเงินเป็นข้อมูลสำคัญที่สะท้อนถึงฐานะทางการเงินและความมั่นคงของธุรกิจ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของนักลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ยังคงมองว่างบการเงิน เต็มไปด้วยตัวเลข ซับซ้อน ไม่รู้จะเริ่มต้นบรรทัดไหน อย่าพึ่งท้อ เพราะใช้เวลาไม่นานก็สามารถเข้าใจและมีเทคนิคในการอ่านงบการเงินอย่างง่ายและตัดสินใจได้ว่าบริษัทนั้นมีสุขภาพทางการเงินเป็นอย่างไร และน่าสนใจในการลงทุนหรือไม่ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ อัตราส่วนทางการเงิน

อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratio)

การที่เราจะตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ต้องวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน เพราะอัตราส่วนทางการเงินเป็นการประเมินฐานะทางการเงินและความสามารถในการทำกำไร โดยส่วนใหญ่จะต้องทำการเปรียบเทียบอัตราส่วนทางการเงินกับคู่แข่งที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน เพื่อจะได้รู้ว่าแต่ละบริษัทมีข้อดี ข้อเสียต่างกันอย่างไร บทความนี้จะแนะนำ อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม (Return on Asset) อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV Ratio)

1. อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม (Return on Asset)

เป็นการวัดประสิทธิภาพการทำกำไรจากสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่ โดยส่วนใหญ่แล้วค่า ROA ยิ่งมากยิ่งดี หมายถึงว่าสินทรัพย์ที่บริษัทซื้อหรือลงทุนไปนั้นได้ให้ผลตอบแทนที่เป็นกำไรให้กับบริษัท

2. อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity)

เป็นการหาผลตอบแทนในส่วนของผู้ถือหุ้นว่าเงินทุนที่ลงทุนไปให้ผลตอบแทนเท่าไหร่โดยปกติแล้ว ROE ค่ายิ่งสูงยิ่งดีสำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้ว บริษัทที่มี ROE สูงกว่าจะน่าสนใจมากกว่า เพราะ บริษัทที่มี ROE สูงสามารถที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้มากกว่าบริษัทที่มี ROE ต่ำกว่า

3. อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio)

ผู้ลงทุนส่วนมากมักจะลงทุนในหุ้นที่มีอัตราส่วนนี้ต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน หมายถึงว่า ราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ 1 บาทมีค่าต่ำหรือราคาถูกนั่นเอง